คิ้วเป็นมงกุฎของหน้า หลังคาเป็นมงกุฎของบ้าน ฉะนั้นเราต้องพิถีพิถันเลือกมงกุฎนี้ให้ดีเลยครับ นอกจากจะดูที่ความสวยงามแล้ว ยังต้องดูไปถึงความเหมาะสมและข้อดีข้อเสียของหลังคาแต่ละทรงด้วย วันนี้ ALVIS ขอยกตัวอย่าง 5 ทรงหลังคายอดนิยมในประเทศไทยมาฝากกันครับ
1.หลังคาจั่ว (Gable Roof)
เป็นหลังคาที่ด้านซ้ายและด้านขวาเอียงมาบรรจบกันที่สันตรงกลางบนสุด เรียกได้ว่าเป็นหลังคาที่หมาะกับประเทศไทยมากเพราะสามารถกันแดดกันฝน และระบายความร้อนได้ดี นอกจากนี้หลังคาชนิดนี้ยังลดการรั่วซึมของน้ำ จากโครงสร้างที่มีมุมจั่วและความลาดเอียงที่มากเป็นพิเศษ แต่ข้อที่ควรระวังเป็นพิเศษคือฝนสามารถสาดเข้าใต้หลังคาได้ หากหันตัวบ้านและหันจั่วผิดทิศ
2.หลังคาปั่นหยา (Hip Roof)
เป็นหลังคาที่ได้รับความนิยมมากในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีและไทยด้วยครับ เนื่องจากหลังคามีความลาดเอียงทั้งสี่ด้านขึ้นไปชนกันที่ปลายด้านบน สามารถกันแดดกั้นฝนได้ทุกด้าน ทนต่อแรงลมได้ดีและมีความสวยงามมาก ซึ่งมีข้อควรระวังคือการระบายอากาศไม่ดีนัก แต่สามารถแก้ไขได้โดยการติดฝ้าชายคาที่มีร่องระบายอากาศครับ
3.หลังคาเพิงหมาแหงน (Lean-to Roof)
ลักษณะหลังคาที่เรียบลาดเอียงเพียงด้านเดียว ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากดูเรียบง่ายเข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์น ทั้งยังก่อสร้างง่ายและรวดเร็วด้วย แต่ข้อเสียคือสามารถบังแดดและฝนได้ทิศทางเดียว รวมถึงอาจเกิดการรั่วซึมได้ง่าย อย่างไรก็ตามสามารถทำระแนงหรือกันสาดเพิ่มเติมในฝั่งหลังคาด้านที่สูงกว่าได้ครับ
4.หลังคาเรียบ (Flat Slab Roof)
มักเป็นหลังคาคอนกรีต มีลักษณะขนานกับพื้นหรือระนาบเดียวกับพื้น โดยจะมีการลาดเอียงเล็กน้อยไปทางใดทางหนึ่ง แต่หลังคาประเภทนี้จะดูดซับความร้อนและน้ำฝนโดยตรงทำให้ระบายน้ำฝนได้ช้า แต่สามารถแก้ปัญหาได้ตั้งแต่การออกแบบระบายน้ำตั้งแต่ตอนเริ่มสร้างหลังคา นิยมประยุกต์ใช้กับบ้านสไตล์โมเดิร์น เนื่องจากมีความเรียบง่ายแต่ทันสมัยไม่ตกยุค เน้นโชว์ความเด่นของตัวบ้าน
5.หลังคารูปทรงอิสระ (Free Form Roof)
ลักษณะหลังคาทรงอิสระจะไม่มีแบบที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบเพื่อให้เข้ากับสไตล์บ้าน วัสดุที่ใช้จึงควรมีความยืดหยุ่น สามารถบิดโครงรองรับรูปทรงหลังคาได้ เช่น แผ่นหลังคายางมะตอย (Asphalt Shingle) หรือแผ่นโลหะรี่ดลอน (Metal Sheet) เป็นต้น
Коментарі